Link Copied
คาดหมายอากาศ 7 วันแบบอินโฟกราฟิก
ระหว่างวันที่ 14 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2568ออกประกาศ 14 มีนาคม 2568 12:00 น.
คาดหมายอากาศทั่วไป
ระหว่างวันที่ 14 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2568
ในช่วงวันที่ 14 – 15 มี.ค. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนได้น้อยลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยลง ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง
สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 14 – 16 มี.ค. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 17 – 20 มี.ค. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ออกประกาศ 14 มีนาคม 2568 12:00 น.
คาดหมายอากาศรายภาค
ระหว่างวันที่ 14 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2568ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 14 – 15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 – 42 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 14 – 15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 - 41 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16 – 17 มี.ค.
หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 5 – 8 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 17 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 14 – 15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 – 41 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม
ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16 – 17 มี.ค.
หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 – 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 14 – 15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 – 39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16 – 17 มี.ค.
หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 – 36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 14 - 16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 17 – 20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 17 – 19 มี.ค.
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 35 องศาเซลเซียส
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 14 - 17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่
ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 18 – 20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่
ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 36 องศาเซลเซียส
กรุงเทพและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 14 – 15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26 – 29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 – 40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16 – 17 มี.ค.
หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 – 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.
ออกประกาศ 14 มีนาคม 2568 12:00 น.