ลักษณะอากาศทั่วไป
16 ก.ค. 2568รูปภาพ:
แผนที่อากาศ
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ นครพนม จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศกรุงเทพฯ และปริมณฑล
06:00 น. วันนี้ - 06:00 น. วันพรุ่งนี้
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ออกประกาศ 16 กรกฎาคม 2568 00:00
สภาพอากาศรายจังหวัดเพิ่มเติม
อากาศ 7 วัน ข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 15- 21 กรกฏาคม พ.ศ. 2568คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 15 - 18 ก.ค. ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 - 21 ก.ค. ประเทศไทยจะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวไปทางทะเลจีนใต้ตอนบน ส่งผลทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง
สำหรับในช่วงวันที่ 16 – 18 ก.ค. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 21 ก.ค. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ออกประกาศ 15 ก.ค. 2568
อากาศ 7 วัน ที่ผ่านมา
7 กรกฎาคม 2568 - 13 กรกฎาคม 2568คาดหมาย
หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประเทศลาวและเวียดนามตอนบนในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ โดยในช่วงปลายสัปดาห์มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน นอกจากนี้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้นในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกือบตลอดสัปดาห์ และมีรายงานน้ำท่วมในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนาแน่นส่วนมากทางฝั่งตะวันตกของภาค
ออกประกาศ 14 ก.ค. 2568
ข้อมูลย้อนหลัง
อากาศรายเดือน
กรกฎาคม 2568คาดหมาย
ช่วงต้นและกลางเดือน ปริมาณและการกระจายของฝนยังคงมีน้อย โดยจะมีฝนร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ และจะก่อให้เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน เนื่องจาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยยังคงมีกำลังอ่อน จากนั้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่อง กับจะมีฝนหนักถึงหนักมากในบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทย จะกลับมามีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในบางช่วงจะมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณตอนบนของทั้งภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สรุปเดือนนี้ คาดว่าปริมาณฝนรวมบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงถึงมากกว่าค่าปกติเล็กน้อยประมาณร้อยละ 5 เว้นแต่ ภาคเหนือ ปริมาณฝนรวมจะน้อยกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 10 และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ปริมาณฝนรวมจะน้อยกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 5 ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยยังคูงสูงกว่าค่าปกติ
ออกประกาศ 01 กรกฎาคม 2568