เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมกับ ดร.อรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายธนิต ใจสะอาด หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง และนายสุวิทย์ โคสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี ร่วมแถลงสถานการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.0 บริเวณตอนเหนือของทะเลอันดามัน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ ห้องประชุมชั้น 1 อาคารเพชร กรมทรัพยากรธรณี
ดร.ชมภารี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย. 2566) เวลา 08.40 น. เกิดจากการเลื่อนตัวตามแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย (Sagiang Fault) ซึ่งเป็นหนึ่งในรอยเลื่อนมีพลังที่พาดผ่านตอนกลางของประเทศและต่อยาวลงมาถึงทะเลอันดามัน วัดได้ขนาด 6.0 ความลึก 10 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร หลังจากนั้น ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา 8 ครั้ง (เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 19 มิถุนายน 2566) โดยมี ขนาดตั้งแต่ 3.0-3.9 จำนวน 3 ครั้ง และขนาด 4.0- 4.9 จำนวน 5 ครั้ง แม้เหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทย แต่ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณอาคารสูง (โดยเฉลี่ยสูงกว่าชั้น 10 ขึ้นไป) ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร จะรับรู้ถึงการสั่นไหว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีลักษณะของดินอ่อน ส่งผลให้มีการขยายสัญญาณคลื่นแผ่นดินไหว ยืนยันว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย และในกรณีนี้เกิดจากรอยเลื่อนตามแนวระดับ (strike-slip fault) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดสึนามิจากแผ่นดินไหว ทั้งนี้ การเกิดอาฟเตอร์ช็อกก็จะมีขนาดลดลงเรื่อย ๆ ตามลำดับ
กรมอุตุนิยมวิทยาในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทและภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังแผ่นดินไหว คือการตรวจ เฝ้าระวัง ติดตามและรายงานการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ เรามีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อทำการวิเคราะห์จำแนกคลื่นแผ่นดินไหว คำนวณหาตำแหน่งการเกิดรายงานศูนย์กลาง ขนาด ความลึก วันเวลา สถานที่เกิดแผ่นดินไหว จากนั้นจะออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนพร้อมกับประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างรวดเร็วและทันท่วงที ปัจจุบัน กรมอุตุนิยมวิทยามีสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวชนิดอัตราเร็ว 75 สถานี สถานีตรวจวัดอัตราเร่ง 55 สถานี และสถานี GPS 13 สถานี ตลอดจนมีความร่วมมือในการใช้ข้อมูลเครือข่ายแผ่นดินไหวร่วมกันกับทั้งภายในประเทศ เช่น กรมทรัพยากรธรณี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมชลประทาน และหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้แก่ IRIS, GFZ และ CTBTO รวมทั้งสิ้น 486 สถานี
กรมอุตุนิยมวิทยาจะติดตามและรายงานสถานการณ์ต่อไป ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของกรมฯ ตลอดจนการร่วมกันแจ้งเตือนสาธารณภัยของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยา จับมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ LINE ประเทศไทย เปิดตัว LINE ALERT บัญชีแจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรง ประชาชนสามารถเพิ่มเพื่อนที่บัญชี @linealert เพื่อติดตามการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่ประชาชนผ่านการบูรณาการข้อมูลที่สำคัญและจำเป็น นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวได้ที่เว็บไซต์กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา earthquake.tmd.go.th เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ EarthquakeTMD โทรศัพท์หมายเลข 0 2366 9410, 0 2399 0969, 0 2399 4547 และสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวในตอนท้าย
ภาพ : อดิศักดิ์ พิมพ์พงษ์
ข่าว : ปุญชรัสมิ์ ราศรี